|
วงศ์ |
Apocynaceae (Asclepiadaceae) |
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Dregea volubilis (L.f.) Hook.f. |
|
|
ชื่อไทย |
กระทุงหมาบ้า, ฮ้วนหมู |
|
|
ชื่อท้องถิ่น |
ผักฮ้วน(คนเมือง), ผักม้วน(ไทลื้อ), ผักฮ้วนหมู(คนเมือง) |
|
|
ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ |
ต้น เป็นพรรณไม้เลื้อย มีลำต้นเป็นเถากลม เนื้อแข็ง เปลือกมีสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นเถาจะพาดพันตามต้นไม้ใหญ่
ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายใบยาวเรียว โคนใบมนหรือเว้า ขนาดของใบกว้างประมาณ 1.5 – 4 นิ้ว ยาวประมาณ 2.5 – 4.5 นิ้ว เนื้อผิวใบค่อนข้างหนา หลังใบมีสีเขียวเข้ม ใต้ท้องใบมีสีเขียวอ่อนกว่า ก้านใบยาว 1.5 – 2.5 นิ้ว
ดอก ดอกออกเป็นช่อตามบริเวณง่ามใบ ลักษณะของดอกเป็นดอกที่มีขนาดเล็ก มีกลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกยาวประมาณ 2 มม. โคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกันเป็นท่อ ส่วนปลายกลีบก็จะแยกออกเป็นแฉกรูปเหลี่ยม ดอกเมื่อบานเต็มที่มีขนาดกว้างประมาณ 1.5 ซม.
ผล ผลมีลักษณะเป็นฝัก มีความกว้างประมาณ 16 – 30 มม. ยาวประมาณ 7.5 – 10 ซม. เปลือกฝักมีสีเหลือง ข้างในฝักมีเมล็ด เป็นรูปรีกว้าง ยาวราว 1.2 ซม.[1] |
|
|
ใบ |
ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายใบยาวเรียว โคนใบมนหรือเว้า ขนาดของใบกว้างประมาณ 1.5 – 4 นิ้ว ยาวประมาณ 2.5 – 4.5 นิ้ว เนื้อผิวใบค่อนข้างหนา หลังใบมีสีเขียวเข้ม ใต้ท้องใบมีสีเขียวอ่อนกว่า ก้านใบยาว 1.5 – 2.5 นิ้ว
|
|
|
ดอก |
ดอก ดอกออกเป็นช่อตามบริเวณง่ามใบ ลักษณะของดอกเป็นดอกที่มีขนาดเล็ก มีกลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกยาวประมาณ 2 มม. โคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกันเป็นท่อ ส่วนปลายกลีบก็จะแยกออกเป็นแฉกรูปเหลี่ยม ดอกเมื่อบานเต็มที่มีขนาดกว้างประมาณ 1.5 ซม.
|
|
|
ผล |
ผล ผลมีลักษณะเป็นฝัก มีความกว้างประมาณ 16 – 30 มม. ยาวประมาณ 7.5 – 10 ซม. เปลือกฝักมีสีเหลือง ข้างในฝักมีเมล็ด เป็นรูปรีกว้าง ยาวราว 1.2 ซม.[1] |
|
|
สรรพคุณ / การใช้ประโยชน์ |
- ยอดอ่อนและช่อดอก ใช้ประกอบอาหาร เช่น แกง หรือลวกกินกับน้ำพริก(คนเมือง)
ยอดอ่อนและดอก นึ่งกินกับน้ำพริก(ไทลื้
ยอดอ่อนและช่อดอก นึ่งกินกับน้ำพริกหรือส้มตำ(คนเมือง)
- ลำต้น ใช้เป็นยาแก้โรคตา แก้หวัด ทำให้จาม แก้พิษงูกัด
ใบ แก้แผลที่ถูกน้ำร้อนลวก แก้บวม แก้ฝี วิธีใช้โดยการนำใบสดมาตำให้ละเอียดแล้วใช้ทาบริเวณแผล
ราก ทำให้อาเจียน ขับพิษร้อน กระทุ้งพิษ พิษฝี พิษไข้หัว ไข้กาฬ แก้ปัสสาวะพิการ แก้พิษน้ำดีกำเริบ ช่วยให้นอนหลับ
ผล เป็นยารักษาโรคให้สัตว์
รากและลำต้นอ่อน ทำให้อาเจียน
เถา เป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ[1] |
|
|
อ้างอิง |
เต็ม สมิตินันทน์,2544. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
[1] วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม, 2548. พจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6. รวมสาส์น (1977) จำกัด. กรุงเทพ ฯ. |
|
|
สภาพนิเวศ |
ชอบขึ้นตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง |
|
|
เอกสารประกอบ |
|