|
วงศ์ |
Dilleniaceae |
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Dillenia parviflora Griff. |
|
|
ชื่อไทย |
ส้านหิ่ง |
|
|
ชื่อท้องถิ่น |
เปียวกับ(เมี่ยน), หมักส้าน(คนเมือง), เบล่ไม้ส้าน(ปะหล่อง), แผละส้าน(ลั้วะ), เปละราหวิ(ขมุ) |
|
|
ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ |
ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 เมตร ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจุก 2-4 ดอก |
|
|
ใบ |
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับหรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 15-25 ซม. ปลายใบกลมหรือมน ปลายแหลมหรือเว้าเล็กน้อย โคนใบมน กลม หรือรูปหัวใจตื้นๆ ขอบใบจักซี่ฟันละเอียด แผ่นใบด้านล่างมีขนสากหนาแน่น ก้านใบยาว 1.5-3.5 ซม. |
|
|
ดอก |
ออกตามกิ่ง มีใบประดับขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-7 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ ยาว 1.2-1.8 ซม. มีขนสากด้านนอกหนาแน่น กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง บาง รูปใบพาย ยาว 2.5-3.5 ซม. ร่วงง่าย เกสรเพศผู้จำนวนมาก เรียงเป็นวง 2 วง วงนอกจำนวนมาก ยาว 5-7 มม. โค้งออก วงใน 11-16 อัน ยาว 1.2-1.5 ซม. บานออก รังไข่มี 5-8 คาร์เพล ยาวประมาณ 5 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 7 มม. |
|
|
ผล |
ผลสด ทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. รวมกลีบเลี้ยง สุกสีส้ม |
|
|
สรรพคุณ / การใช้ประโยชน์ |
- ผลสุก รับประทานได้มีรสหวาน(ขมุ,ลั้วะ)
ผลสุก รับประทานได้ มีรสเปรี้ยวหวาน(ปะหล่อง)
กลีบเลี้ยง รับประทานได้(เมี่ยน)
- ใบ บดแล้วใช้ทาผื่นคันที่เกิดจากการแพ้ตัวบุ้ง(เมี่ยน)
- เนื้อไม้ ใช้สร้างบ้าน(คนเมือง,ลั้วะ)
- ผลสุก นำไปเป็นอาหารเลี้ยงหมู(ปะหล่อง)
ผล ให้วัวควายกินเป็นอาหาร(คนเมือง)
เนื้อไม้ ใช้ทำฟืน(คนเมือง) |
|
|
อ้างอิง |
เต็ม สมิตินันทน์,2544. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
|
|
|
สภาพนิเวศ |
- |
|
|
เอกสารประกอบ |
|