|
วงศ์ |
Compositae (Asteraceae) |
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Bidens biternata (Lour.) Merr. |
|
|
ชื่อไทย |
ก้นจ้ำ, หญ้าก้นจ้ำ |
|
|
ชื่อท้องถิ่น |
บ่ะดี่(ลั้วะ) |
|
|
ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ |
ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีลำต้นสูงประมาณ 0.5 – 2 เมตร ลำต้นมีลักษณะเป็นเหลี่ยม บริเวณลำต้น กิ่ง ก้านสาขา มีขนขึ้นประปราย
ใบ ใบออกเป็นช่อยอดเดี่ยว ซึ่งจะออกตรงข้ามกัน ช่อยาวราว 5 – 14 ซม. ใบย่อยมีลักษณะเป็นรูปไข่ โคนใบสอบเข้าหากัน ปลายใบแหลมเรียว ริมขอบใบหยักย่อยคล้ายฟันหลา หลังและใต้ท้องใบมีขนประปราย หรืออาจเกลี้ยง ก้านใจจะยาวประมาณ 1.5 ซม.
ดอก ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะของดอกมีสีเหลือง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 – 10 มม. ปลายกลีบดอกค่อนข้างแหลม หรือเป็นฝอย กลีบดอกยาวประมาณ 5 มม. เป็นรูปท่อ ดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ
ผล ผลมีลักษณะยาว แคบ ยาวประมาณ 9 – 19 มม. ปลายผลมีรยางค์อยู่ 2 – 5 อัน ยาวประมาณ 3 – 4 มม. ผิวนอกผลจะมีขนสั้น ๆ ออก[1] |
|
|
ใบ |
ใบ ใบออกเป็นช่อยอดเดี่ยว ซึ่งจะออกตรงข้ามกัน ช่อยาวราว 5 – 14 ซม. ใบย่อยมีลักษณะเป็นรูปไข่ โคนใบสอบเข้าหากัน ปลายใบแหลมเรียว ริมขอบใบหยักย่อยคล้ายฟันหลา หลังและใต้ท้องใบมีขนประปราย หรืออาจเกลี้ยง ก้านใจจะยาวประมาณ 1.5 ซม.
|
|
|
ดอก |
ดอก ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะของดอกมีสีเหลือง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 – 10 มม. ปลายกลีบดอกค่อนข้างแหลม หรือเป็นฝอย กลีบดอกยาวประมาณ 5 มม. เป็นรูปท่อ ดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ
|
|
|
ผล |
ผล ผลมีลักษณะยาว แคบ ยาวประมาณ 9 – 19 มม. ปลายผลมีรยางค์อยู่ 2 – 5 อัน ยาวประมาณ 3 – 4 มม. ผิวนอกผลจะมีขนสั้น ๆ ออก |
|
|
สรรพคุณ / การใช้ประโยชน์ |
- ยอดอ่อน รับประทานกับน้ำพริก(ลั้วะ)
- ใบ ใช้ใบสด นำมาตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาน้ำใช้ ล้างตาแก้โรคตามัว หรือใช้ตำพอกแผลสด แผลน้ำร้อนลวก หรือแผลไฟไหม้ เป็นต้น[1] |
|
|
อ้างอิง |
เต็ม สมิตินันทน์,2544. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
[1] วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม, 2548. พจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6. รวมสาส์น (1977) จำกัด. กรุงเทพ ฯ. |
|
|
สภาพนิเวศ |
- |
|
|
เอกสารประกอบ |
|