ค้นหาสมุนไพร  
     
   
   
   
     
 
   
eherb ผลการค้นหา ���������������������
กะตังใบ
Leea indica (Burm.f.) Merr.
 
 
 
 
 
รายละเอียดทางพฤษศาสตร์
 
  วงศ์ Vitaceae (Leeaceae)
 
  ชื่อวิทยาศาสตร์ Leea indica (Burm.f.) Merr.
 
  ชื่อไทย กะตังใบ
 
  ชื่อท้องถิ่น - เหม่โดเหมาะ(กะเหรี่ยงแดง), ต้มแย่แงง(เมี่ยน), อิ๊กะ(ม้ง), ไม้ชักป้าน(ไทใหญ่) - คะนางใบ (ตราด) ช้างเขิง (ฉาน) ตองจ้วม ตองต้อม (ภาคเหนือ) บั่งบายต้น (ตรัง) [7]
 
  ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 ม. ลำต้นเกลี้ยง หรือปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก (1-)2- หรือ 3 ชั้น ใบย่อยมี 7- ถึงจำนวนมาก หูใบรูปไข่กลับ กว้างได้ถึง 4 ซม. ยาว 6 ซม. มักจะเกลี้ยง หรือมีขนประปราย หูใบร่วงง่าย ทำให้เกิดรอยแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมกว้าง แกนกลางใบยาว 10 – 35 ซม. เกลี้ยง หรอืมีขนสั้นปกคลุม ใบย่อยรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ถึงรูปหอกแกมรูปไข่ หรือรูปรี หรือรูปใบหอกแกมรี กว้าง 3 – 12 ซม. ยาว 10 – 24 ซม. ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบสอบ หรือกลม หรือเว้า เล็กน้อย ขอบใบจักมน หรือจักแบบฟันเลื่อย หรือแบบซี่ฟันตื้น ๆ เนื้อใบหนาปานกลาง ด้านล่างมีต่อมขนาดเล็กรูปเหลี่ยม หรือกลม เส้นใบมี 6 – 16 คู่ ก้านใบย่อยยาวได้ถึง 25 มม. เกลี้ยง หรือมีขน ก้านใบรวมยาว 10 – 25 ซม.
ดอก สีขาวอมเขียว ออกเป็นช่อกว้าง ดอกติดห่าง ๆ ยาว 10 – 25 ซม. เกลี้ยง หรือมีขนเล็กน้อย ริ้วประดับมีตั้งแต่รูปสามเหลี่ยมค่อนข้างกว้าง ถึงรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาวประมาณ 4 มม. ก้านช่อดอกยาวได้ถึง 15 ซม. กลีบเลี้ยงยาว 2 – 3 มม. เชื่อมติดกันที่โคน ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ เชื่อมติดกันที่โคน เกสรเพศผู้มี 5 อัน ติดอยู่กับหลอดเกสรเพศผู้ ปลายอับเรณูจะโผล่พ้นหลอดออกไปเป็นแฉกมน ๆ ปลายแฉกเว้า เกสรเพศเมียมี 6 ช่อง แต่ละช่องมีไข่ 1 เมล็ด ก้านเกสรสั้น ปลายมน
ผล กลม แป้น ผิวบาง มีเนื้อนุ่ม สีม่วงดำ มี 6 เมล็ด [7]
 
  ใบ -
 
  ดอก -
 
  ผล -
 
  สรรพคุณ / การใช้ประโยชน์ - ผลสุก รับประทานได้(กะเหรี่ยงแดง)
- รากและลำต้น ต้มน้ำดื่มแก้อาการปัสสาวะขัดและ รักษาโรคนิ่ว(เมี่ยน)
ราก ต้มน้ำดื่มแก้อาการท้องร่วง(กะเหรี่ยงแดง)
ใบ ต้มอาบบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์(ไทใหญ่)
ลำต้น นำมาต้มน้ำดื่มแก้อาการท้องร่วง รักาโรคนิ่ว หรือแก้ไอ(ม้ง)
- ใบ ต้มให้หมูกิน(กะเหรี่ยงแดง)
ผลสุก ใช้เป็นเหยื่อตกปลา(เมี่ยน)
- ราก น้ำต้มกินเป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย แก้บิด ขับเหงื่อ และเป็นยาเย็น แก้อาการกระหายน้ำ
ใบ ย่างไฟให้เกรียม ใช้พอกศีรษะ แก้วิงเวียน มึนงง ตำเป็นยาพอกแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และแก้ผื่นคันตามผิวหนัง
น้ำยางจากใบอ่อนกินเป็นยาช่วยย่อย
ผล กินได้ [7]
 
  อ้างอิง เต็ม สมิตินันทน์,2544. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
[7] ก่องกานดา ชยามฤต, 2540. สมุนไพรไทยตอนที่ 6 . ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ.
 
  สภาพนิเวศ -
 
  เอกสารประกอบ
 
ภาพนิ่ง